ใครที่ตั้งใจไว้ หรืออยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ Blog นี้ เพื่อคุณโดยเฉพาะเลยค่ะ
เพราะนี่คือ 3 สิ่งที่ต้องทำ สำหรับการฝึกภาษา เพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ !
1. เติม Academic Input
สิ่งแรกที่ทุกคนควรเข้าใจก่อน คือ “Conversational English” (ภาษาอังกฤษเพื่อการสนทนาทั่วไป) ไม่เหมือนกับ “Academic English” (ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ) เพราะสำหรับการไปเรียนต่างประเทศ นอกจากการสื่อสารในชีวิตประจำวันแล้ว การเรียนรู้ภาษาอังกฤษทางวิชาการก็สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ
ดังนั้น การที่เราจะมี Academic Input หรือการเติมข้อมูลภาษาอังกฤษแบบวิชาการได้ การดูหนัง ฟังเพลง หรือดูซีรี่ย์ภาษาอังกฤษทั่ว ๆ ไป อาจจะไม่เพียงพอ เราจำเป็นที่จะต้องมี Input ที่เป็นวิชาการเสริมเข้าไปด้วย เช่น
- ทดลองเรียน Online Courses ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
แทนที่เราจะมานั่งท่องคำศัพท์วิชาการทีละคำ ให้ลองเปลี่ยนไปเป็นการไปเรียนรู้คำศัพท์ และวลี จาก Context (บริบท) เลย เพื่อที่จะทำให้เราสามารถนำเอาคำศัพท์/วลีนั้นไปใช้ได้เลย เมื่อถึงเวลาที่จะต้องไปเรียนต่างประเทศจริง ๆ ค่ะ
ตัวอย่าง Online Courses ที่เรียนได้ฟรี! และสามารถเลือกเรียนเรื่องที่เราสนใจได้
ขณะที่อ่าน ให้สังเกต ไฮไลท์ เก็บประโยค เก็บคำที่เขาใช้ เพื่อนำไปใช้ต่อ และลองประเมินตัวเองขณะที่ฟังไปด้วยค่ะว่า ถ้าเราต้องไปฟังบรรยายภาษาอังกฤษยาว ๆ ในห้องเรียนและเป็นข้อมูลวิชาการมาก ๆ เราจะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน
ต้องจดโน๊ต ต้องสรุปยังไง และแน่นอนว่า ถ้าเรายิ่งฟังมากขึ้น เราก็จะยิ่งเก่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเรามีประเทศที่เราสนใจจะไปเรียนต่ออยู่ เราก็สามารถเลือกฟัง TEDx talk ของประเทศที่คาดว่าจะมีสำเนียงการพูดเหมือนกับคนในประเทศที่เราจะไปเรียนต่อได้ เราจะได้ทำความคุ้นชินกับสำเนียงของประเทศนั้นไปได้เลย
2. ฝึก Describe, Explain, Express
การที่เราสามารถที่จะ Elaborate (อธิบาย/บรรยายอย่างละเอียด) ความคิด เหตุผล และข้อเท็จจริงได้ ถือเป็นทักษะที่สำคัญมากสำหรับการเรียนต่อและเป็นสิ่งที่สามารถฝึกได้นะคะ ให้เราลองเก็บคำศัพท์ วลีต่าง ๆ เพื่อใช้ในการให้เหตุผล หรืออธิบาย
ตัวอย่างเช่น
- There seems to be no compelling reason to argue that _____.
มันไม่มีเหตุผลที่น่าสนใจพอที่จะโต้แย้งว่า ______. (ตัวอย่างจาก www.luizotaviobarros.com)
- According to the evidence provided, I put forward the claim that _____.
ตามหลักฐานที่ให้มา ข้าพเจ้าขอเสนอคำร้องว่า______. (ตัวอย่างจาก www.luizotaviobarros.com)
- ____ lies at the heart of the discussion on ______.
____ เป็นหัวใจหลักของการอภิปรายเรื่อง ______. (ตัวอย่างจาก www.luizotaviobarros.com)
แล้วเราจะได้คำศัพท์/วลีเหล่านี้มาจากไหน?
แน่นอนว่าก็ต้องเป็นจาก Input ที่เราได้รับมาจากในข้อ 1 ค่ะ
ให้เราลองฝึกตอบคำถาม How (อย่างไร) และ Why (ทำไม) หรือจะฝึกตอบคำถามจากข้อสอบ Writing & Speaking ของ TOEFL และ IELTS ก็ดีเช่นกันค่ะ
3. ฝึก Formal Writing (การเขียนแบบเป็นทางการ)
การที่จะเขียนได้ดี เรื่อง Grammar ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังมีอีกหลายองค์ประกอบทีช่วยให้งานเขียนออกมาดี
ตัวอย่างเช่น
- Choice of words (การเลือกใช้คำ)
เพื่อให้เป็นทางการขึ้น และเหมาะสมกับการเขียนในรูปแบบ Academic Writing
เช่น คำว่า Bad ลองเปลี่ยนมาเลือกใช้ Inappropriate, Inadequate หรือ Below standard เป็นต้น
- Avoid contractions & slangs (การเลี่ยงตัวย่อ และศัพท์ Slang)
เพราะตัวย่อ และศัพท์ Slang จะทำให้งานเขียนของเราไม่เป็นทางการ
- Avoid first person point of view (การเลี่ยงการใช้ความคิดเห็นส่วนตัว)
เช่น I think it’s bad. หรือ I love this topic.
- Practice citation (ฝึกเขียนการอ้างอิง)
ฝึกการเขียนบอกถึงที่มาของข้อมูล เพื่อไม่ให้เกิด plagiarism หรือการคัดลอกผลงานทางวิชาการ ซึ่งมีวิธีการเขียนอยู่หลายรูปแบบ เช่น APA, MLA, Chicago เป็นต้น
แน่นอนว่า ถ้าเราได้โอกาสไปเรียน หรือไปใช้ชีวิตต่างประเทศ ก็จะทำให้เราเก่งขึ้น พัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แอดมินก็ยังคงเชื่อว่า สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำในแต่ละวัน เช่น อ่านหนังสือ 1 หน้า ฟัง Podcast 1 ตอน แม้จะดูเล็กน้อย แต่ถ้าผ่านไป 1 เดือน หรือ 1 ปี แอดมินเชื่อว่าจะมีผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่แน่นอนค่ะ
All the best & happy learning,
คะน้า 😀
มาเรียนรู้ อัพสกิลภาษาอังกฤษสนุก ๆ กับฝรั่งอั่งม้อได้ที่นี่เลยค่ะ 😀
> คลิกดูคอร์สของฝรั่งอั่งม้อ <