3 วิธีฝึกภาษาสำหรับเรียนต่อต่างประเทศ

improve-your-english-for-studying-abroad

ใครที่ตั้งใจไว้ หรืออยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ Blog นี้ เพื่อคุณโดยเฉพาะเลยค่ะ

เพราะนี่คือ 3 สิ่งที่ต้องทำ สำหรับการฝึกภาษา เพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ !

1. เติม Academic Input

สิ่งแรกที่ทุกคนควรเข้าใจก่อน คือ “Conversational English” (ภาษาอังกฤษเพื่อการสนทนาทั่วไป) ไม่เหมือนกับ “Academic English” (ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ) เพราะสำหรับการไปเรียนต่างประเทศ นอกจากการสื่อสารในชีวิตประจำวันแล้ว การเรียนรู้ภาษาอังกฤษทางวิชาการก็สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ

ดังนั้น การที่เราจะมี Academic Input หรือการเติมข้อมูลภาษาอังกฤษแบบวิชาการได้ การดูหนัง ฟังเพลง หรือดูซีรี่ย์ภาษาอังกฤษทั่ว ๆ ไป อาจจะไม่เพียงพอ เราจำเป็นที่จะต้องมี Input ที่เป็นวิชาการเสริมเข้าไปด้วย เช่น

  • ทดลองเรียน Online Courses ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ

แทนที่เราจะมานั่งท่องคำศัพท์วิชาการทีละคำ ให้ลองเปลี่ยนไปเป็นการไปเรียนรู้คำศัพท์ และวลี จาก Context (บริบท) เลย เพื่อที่จะทำให้เราสามารถนำเอาคำศัพท์/วลีนั้นไปใช้ได้เลย เมื่อถึงเวลาที่จะต้องไปเรียนต่างประเทศจริง ๆ ค่ะ

ตัวอย่าง Online Courses ที่เรียนได้ฟรี! และสามารถเลือกเรียนเรื่องที่เราสนใจได้

  1. Coursera.org
  2. edx.org
  3. Harvard Business Review
  4. Medium
  5. McKinsey & Company
  6. The New York Times
  7. TED talk 

ขณะที่อ่าน ให้สังเกต ไฮไลท์ เก็บประโยค เก็บคำที่เขาใช้ เพื่อนำไปใช้ต่อ และลองประเมินตัวเองขณะที่ฟังไปด้วยค่ะว่า ถ้าเราต้องไปฟังบรรยายภาษาอังกฤษยาว ๆ ในห้องเรียนและเป็นข้อมูลวิชาการมาก ๆ เราจะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน

ต้องจดโน๊ต ต้องสรุปยังไง และแน่นอนว่า ถ้าเรายิ่งฟังมากขึ้น เราก็จะยิ่งเก่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเรามีประเทศที่เราสนใจจะไปเรียนต่ออยู่ เราก็สามารถเลือกฟัง TEDx talk ของประเทศที่คาดว่าจะมีสำเนียงการพูดเหมือนกับคนในประเทศที่เราจะไปเรียนต่อได้ เราจะได้ทำความคุ้นชินกับสำเนียงของประเทศนั้นไปได้เลย

2. ฝึก Describe, Explain, Express

การที่เราสามารถที่จะ Elaborate (อธิบาย/บรรยายอย่างละเอียด) ความคิด เหตุผล และข้อเท็จจริงได้ ถือเป็นทักษะที่สำคัญมากสำหรับการเรียนต่อและเป็นสิ่งที่สามารถฝึกได้นะคะ ให้เราลองเก็บคำศัพท์ วลีต่าง ๆ เพื่อใช้ในการให้เหตุผล หรืออธิบาย

ตัวอย่างเช่น

  • There seems to be no compelling reason to argue that _____.

มันไม่มีเหตุผลที่น่าสนใจพอที่จะโต้แย้งว่า ______. (ตัวอย่างจาก www.luizotaviobarros.com)

  • According to the evidence provided, I put forward the claim that _____.

ตามหลักฐานที่ให้มา ข้าพเจ้าขอเสนอคำร้องว่า______. (ตัวอย่างจาก www.luizotaviobarros.com)

  • ____ lies at the heart of the discussion on ______.

____ เป็นหัวใจหลักของการอภิปรายเรื่อง ______. (ตัวอย่างจาก www.luizotaviobarros.com)

แล้วเราจะได้คำศัพท์/วลีเหล่านี้มาจากไหน?

แน่นอนว่าก็ต้องเป็นจาก Input ที่เราได้รับมาจากในข้อ 1 ค่ะ

ให้เราลองฝึกตอบคำถาม How (อย่างไร) และ Why (ทำไม) หรือจะฝึกตอบคำถามจากข้อสอบ Writing & Speaking ของ TOEFL และ IELTS ก็ดีเช่นกันค่ะ

3. ฝึก Formal Writing (การเขียนแบบเป็นทางการ)

การที่จะเขียนได้ดี เรื่อง Grammar ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังมีอีกหลายองค์ประกอบทีช่วยให้งานเขียนออกมาดี

ตัวอย่างเช่น

  • Choice of words (การเลือกใช้คำ)
    เพื่อให้เป็นทางการขึ้น และเหมาะสมกับการเขียนในรูปแบบ Academic Writing
    เช่น คำว่า Bad ลองเปลี่ยนมาเลือกใช้ Inappropriate, Inadequate หรือ Below standard เป็นต้น
  • Avoid contractions & slangs (การเลี่ยงตัวย่อ และศัพท์ Slang)
    เพราะตัวย่อ และศัพท์ Slang จะทำให้งานเขียนของเราไม่เป็นทางการ
  • Avoid first person point of view (การเลี่ยงการใช้ความคิดเห็นส่วนตัว)
    เช่น I think it’s bad. หรือ I love this topic.
  • Practice citation (ฝึกเขียนการอ้างอิง)
    ฝึกการเขียนบอกถึงที่มาของข้อมูล เพื่อไม่ให้เกิด plagiarism หรือการคัดลอกผลงานทางวิชาการ ซึ่งมีวิธีการเขียนอยู่หลายรูปแบบ เช่น APA, MLA, Chicago เป็นต้น

แน่นอนว่า ถ้าเราได้โอกาสไปเรียน หรือไปใช้ชีวิตต่างประเทศ ก็จะทำให้เราเก่งขึ้น พัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แอดมินก็ยังคงเชื่อว่า สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำในแต่ละวัน เช่น อ่านหนังสือ 1 หน้า ฟัง Podcast 1 ตอน แม้จะดูเล็กน้อย แต่ถ้าผ่านไป 1 เดือน หรือ 1 ปี แอดมินเชื่อว่าจะมีผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่แน่นอนค่ะ

All the best & happy learning,

คะน้า 😀

มาเรียนรู้ อัพสกิลภาษาอังกฤษสนุก ๆ กับฝรั่งอั่งม้อได้ที่นี่เลยค่ะ 😀
> คลิกดูคอร์สของฝรั่งอั่งม้อ <

Share the Post: