อยากเก่งภาษาจังเลย แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี
จากวิดีโอที่มียอดวิวมากกว่า 300,000 วิวบน Youtube: ฝรั่งอั่งม้อ แอดมินได้สรุปเนื้อหามาลงใน Blog นี้ เพื่อให้ทุกท่านได้นำไปปรับใช้ได้ทันที
5 สิ่งที่ต้องทำทุกวันให้เราเก่งภาษาขึ้นอย่างรวดเร็ว 😀
1. Language Trigger (หาตัวนำกระตุ้นในการเรียนภาษา)
Trigger = ไกปืน, ตัวนำ ตัวกระตุ้น “Pull the trigger” = เหนี่ยวไก
ใครเคยได้ยินคำว่า “trigger words” มั้ยคะ?
“Trigger words” คือ คำอะไรบางอย่างที่กระตุ้นให้เกิด กระทำอะไรบางอย่าง
“Language Trigger” คือสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เรา เห็นแล้วนึกได้ อยากทำ” เกี่ยวกับภาษาในวันนั้น หรือตอนนั้น เช่น
การแปะ post-it คำศัพท์ หรือเขียนเป้าหมายไว้บนผนัง แล้วค่อยๆ เปลี่ยน environment รอบตัวให้เต็มไปด้วยภาษาอังกฤษจนเราไม่รู้สึกว่าไกลตัว ไปที่ไหนก็ทำให้ตัวเองได้นึกขึ้นถามตัวเองได้ว่า
“วันนี้ฝึกหรือยัง?” “วันนี้ได้ฟัง ได้อ่าน ได้พูดอะไรเกี่ยวกับภาษาอังกฤษหรือยัง?” เช่น
– เปลี่ยน wallpaper โทรศัพท์ เป็นพวก quotes ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ
– เปลี่ยนภาษาในโทรศัพท์เลย ให้เป็นภาษาอังกฤษ
– เปลี่ยนคำที่อยู่ใน To do list หรือปฏิทินของเราให้เป็นภาษาอังกฤษ
– เขียนคำศัพท์แปะของต่าง ๆ หันไปเจอ จะได้ทวนคำศัพท์เลย ทำให้มองตรงไหน จะทำอะไร ก็ได้เห็น ได้ทบทวน เราจะได้ฝึกภาษาได้ง่ายขึ้นในแต่ละวัน
2. Input (การเติมข้อมูลเข้าไป)
Receptive Skills คือทักษะในการรับข้อมูลเข้ามา คือ Listening and Reading ค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เราทำได้ ไม่ค่อยมีปัญหา ปัญหาอย่างเดียวคือ ฟังได้ แต่จะรู้เรื่องหรือเปล่าอีกเรื่องนึง จนบางครั้งเราก็รู้สึกไม่สนุก เลยหยุดฟังกลางคัน
แอดมินมีเทคนิคสำหรับ Input มาฝากดังนี้ค่ะ
1. Personlized Input: เลือก Input ที่เราชอบมากที่สุด
เพราะ Input มีหลายรูปแบบ เช่น movie, music, variety shows, ted talk, podcast, internet meme, online article ให้ลองหาสิ่งที่เราชอบมากที่สุด ที่เราสามารถดู “แม้” จะไม่ได้เข้าใจทั้งหมดทุกคำ 100%
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าชอบอันไหนมากที่สุด?
ดีที่สุดคือให้ Stay curious (เป็นคนช่างสงสัย) ให้ลองไปดูหลาย ๆ คลิป ดูหลาย ๆ อย่าง ลองอ่านหลาย ๆ แบบ จะได้เจอแบบที่เราน่าจะชอบเยอะขึ้น
2. Consistent input: รับข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
Input คือฟังก็ดี หรืออ่านก็ดีเช่นกัน …แต่การมี Consistent input (ความสม่ำเสมอ) เนี่ยสำคัญกว่า ทำยังไงให้รับข้อมูลได้อย่างสม่ำเสมอมากที่สุด
เพราะฉะนั้นก็กลับไปข้อ 1 ใหม่ เพราะถ้าเราชอบมันมากพอ เราจะอยู่กับมันได้นานขึ้น สม่ำเสมอขึ้น และไม่หยุดไปเพียง เพราะไม่เข้าใจ 100%
3. Output (เอาข้อมูลมาใช้งาน)
Output คือการที่ดึงสารที่เราได้ Input เข้าไปในหัว ออกมาใช้สร้างภาษาออกไป ผ่าน Speaking หรือ Writing
ตัวอย่างการเอา Input ออกมาใช้เป็น Output เช่น
- ดูหนังมา >> ให้ลองเอาไปพูดกับเพื่อน
- อ่านคำคมในหนังสือ >> เอาไป post สเตตัส ทาง Social Media
- อ่านบทความ >> เขียนสรุป
ให้เลือกรูปแบบที่เราสามารถทำได้เลย โดยไม่ต้องรอให้มีคู่สนทนา หรือต้องรอไปต่างประเทศก่อนถึงจะได้ใช้ไม่ต้องให้ถูกต้องเป๊ะ ๆ ทุกคำ ตั้งแต่ทำครั้งแรก เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ ให้เราได้นำ Input ที่เราเติมเข้ามาในหัวของเราแล้ว นำออกมาแปลงเป็นสารของเราก่อน ให้เกิด Process นี้ซ้ำ ๆ จนเราจำได้ ใช้เป็น และก็ใช้คล่องค่ะ
4. Personal connection (หาความเชื่อมต่อมายังตัวเราเอง)
ยิ่งกว่า output คือ output ที่มี personal connection หรือให้ output ที่ออกมาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวของเรานั้นเองค่ะ จากหนังสือ Fluent Forever แต่งโดย Gabriel Wyner กล่าวไว้ว่า
“You will remember a concept with a personal connection 50 percent more easily than a concept without one”
คุณจะจำเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับคุณได้ดีกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเลย ได้มากกว่าถึง 50%
ยกตัวอย่างเช่น
- Input > เราดูหนังมา
- Output > เราเล่าเรื่องว่าหนังเรื่องนั้นมันเป็นยังไง
- Output with personal connection > เราเล่าว่าทำไมเราถึงชอบฉากนั้น ทำไมเราถึงชอบตัวละครนั้น
หรือ
- Input > เราไปฟัง TED talk มา
- Output > เราเขียนสรุปว่าเราฟังอะไรลงไป
- Output with personal connection > เราเขียนใน diary ว่าเนี่ยที่เราฟังไป จะเอาไปใช้กับชีวิตเรายังไงดี
หรือลองไปดูเทคนิคเพิ่มเติมได้จาก วิดีโอ 4 Steps ง๊ายง่าย จำศัพท์ให้ติดหัวไปตลอดกาล ได้นะคะ
5. Recall (ทบทวน)
เรียนอะไรมาแล้ว ก็ต้องมีการทบทวน แต่แอดมินมีเทคนิคที่จะทำให้เราทบทวนแล้วได้ผล จำได้นานขึ้นมาฝากค่ะ
นั้นคือเทคนิคทบทวนแบบ Spaced Repetition คือถ้าเราจะทวนอะไรก็ตามที่เราได้เรียนไป ให้ปล่อยช่วงเวลาไว้ซักหน่อย แล้วค่อยกลับมาทวนใหม่

จะให้ดียิ่งขึ้น ให้เราลงตารางไว้เลยค่ะ เช่น เรียนอะไรซักอย่างไปในวันนี้ ให้รออีกซัก 3 วัน 5 วัน และ 7 วันแล้วค่อยกลับมาทบทวนใหม่
หรือจะทำเหมือน Test ให้ตัวเองก็ได้เช่นกัน ลองตั้งคำถามกับตัวเองในประเด็นสำคัญของเรื่องนั้น ๆ ว่ายังจำได้อยู่มั้ยว่าเรียนอะไรไป
ลองเอา 5 อย่างนี้ ไปปรับใส่ใน Daily To do list ของตัวเราเองดูนะคะ 😀
ทำตามแล้วได้ผลอย่างไร สามารถมาแชร์ แบ่งปันประสบการณ์กันได้ค่ะ
All the best & happy learning,
คะน้า 😀
มาเรียนรู้ อัพสกิลภาษาอังกฤษสนุก ๆ กับฝรั่งอั่งม้อได้ที่นี่เลยค่ะ 😀
> คลิกดูคอร์สของฝรั่งอั่งม้อ <