เป็นไปได้หรอ 21 วัน จะเก่งภาษาขึ้น ?
เราสามารถพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นได้ เห็นผลใน 21 วัน
แล้วต้องทำยังไง มาดูกันเลยค่ะ
แน่นอนว่าแต่ละคนมีพื้นฐานเริ่มต้นไม่เท่ากัน และมี learning pace การเรียนรู้ที่เร็ว–ช้าไม่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น มันจะไม่ได้เป็นเหมือนโรงงาน ที่สินค้าผ่านช่องนี้แล้วจะออกมาเหมือนกันเป๊ะหมด
ผลลัพธ์ที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้คือ improvement คือพัฒนาการการฟัง พูด อ่าน เขียน
ที่เราจะเห็นได้เลยหลังจากการลงมือทำแบบต่อเนื่อง
เช่นใครเริ่มจากฟังได้ 50% อาจจะเริ่มฟังเข้าใจ 80%
ใครพูดติดๆ ขัดๆ ไม่มั่นใจก็ จะเริ่มมีคำในหัวมาพูดมากขึ้น
บางคนอาจจะรู้สึกได้ตั้งแต่ 10 วัน บางคนอาจจะเห็นแบบชัดๆ จริงๆ สัก 20 วัน
21 วันเป็นเหมือนเส้นชัยเล็กๆ ที่เราตั้งให้ตัวเอง เป็น challenge สัญญากับ เส้นชัย
ที่ดูไม่นานเกินไป โหยยย 1 ปีกว่าจะเห็นผล หรือ 1 วัน one night miracle ที่เป็นไปไม่ได้จริง
แต่การันตีได้ว่าถ้าเทคนิคทำแบบนี้ทุกวัน เราสามารถเก่งขึ้น ได้อย่างรวดเร็วขึ้นแน่นอน
ที่สำคัญคือจะทำให้มีกำลังใจไปต่อในระยะยาวด้วยค่ะ
การันตีโดยพี่ๆ น้องๆ จาก คอร์ส 21-Day English Transformation 4 รุ่นที่ผ่านมา
ว่าสามารถฟังเข้าใจได้มากขึ้น พูดได้คล่องขึ้น มั่นใจในการสื่อสารขึ้นจริงค่ะ
4 เคล็ดลับฝึกภาษาด้วยตัวเองให้เก่งขึ้นใน 21 วันมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
1. ฝึกทั้ง input & output (Practice both input & output)
ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญมาก ๆ และเป็นจุดที่หลาย ๆ คนที่เรียนรู้สึกว่าเรียนมาตั้งนานแล้ว
ทำไมจำไม่ได้ ใช้ไม่คล่องสักที นั่นก็เป็นเพราะ…
เราฝึกไม่ครบทั้งสองด้านนั่นเอง
โดยที่ INPUT คือการรับสารเข้ามา โดย “การฟัง” และ “การอ่าน”
ส่วน OUTPUT คือการรับส่งสารออกไป โดย “การพูด” และ “การเขียน”
ซึ่งเราสามารถสร้าง INPUT และ OUTPUT ได้ง่าย ๆ
ยกตัวอย่างเช่น
Input (ฟังเพลง) >> Output (ร้องเพลง)
Input (ดูหนัง) >> Output (พูดตามตัวละคร)
Input (ฟัง Podcast) >> Output (อัดเสียงตัวเองพูดสรุปสิ่งที่ได้ฟัง)
Let’s Try
ลองวางแผนว่าจะฝึก Input และ Output อะไรบ้างในแต่ละวัน
2. เริ่มให้เรียบง่ายที่สุด (Make it Simple)
เพราะความยากที่สุดของการฝึกให้ได้ผล คือ “การฝึกทำซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง ในเวลาที่ยาวนานมากพอ”
ซึ่งถ้าเราพึ่งแต่แรงจูงใจ หรือ Motivation เราจะทำได้แค่พัก ๆ ไม่ต่อเนื่อง หมดไฟไปก่อน
จริง ๆ แล้ว หัวใจหลักของการฝึกภาษาเลยคือ ความสม่ำเสมอ หรือ Consistency นั่นเองค่ะ
ตัวอย่างการฝึกง่าย ๆ ไม่เกิน 5 นาที เช่น
– ดู Video Youtube แล้วพูดตาม
– ร้องเพลงภาษาอังกฤษ
– ร้องเพลงภาษาอังกฤษ
เมื่อเราทำจนรู้สึกว่าทำสิ่งเหล่านี้ได้ต่อเนื่องแล้ว
เราสามารถลองขยายเวลาเพิ่ม หรือ เพิ่มกิจกรรมเข้าไปก็ได่เช่นกัน
3. หา Accountability Partner (Find an Accountability partner)
เพราะว่าบางทีการฝึกคนเดียว ทำให้เรารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเก่งวันนี้ก็ได้
แต่ ! ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้ว่ามีคนคอยเชียร์ เป็นกำลังใจ หรือมีคนที่มีเป้าหมายเดียวกันฝึกไปพร้อมกันจะช่วยให้เราล้มเลิกได้ยากขึ้น
Accountability Partner = Someone that holds you accountable towards your goals ( คนที่ช่วย หรือเตือนให้เรายังคงรับผิดชอบต่อเป้าหมาย)
4. เน้นการลงมือทำ มากกว่าผลลัพธ์ (Focus on the process, not the outcome)
Focus more on the process of giving the output than the outcome.
โฟกัสไปที่กระบวนการการสร้าง output (การดึงสิ่งที่เรียน) มาใช้มากกว่าผลลัพธ์
ในช่วงที่ฝึกช่วงแรกอาจจะพูดติด ๆ ขัด ๆ ไม่ได้ดั่งใจบ้าง แต่ตรงนี้ถือเป็นขั้นตอนการเรียนรู้ที่สำคัญเลย
โดยให้เน้นไปที่การดึงเอาสิ่งที่เราได้เรียนรู้ หรือสิ่งที่อยู่ในสมองเราออกมาใช้ซ้ำ ๆ เพราะทักษะภาษาจะไม่เกิด ถ้าเราไม่ได้ใช้ซ้ำ ๆ มากเพียงพอ
สำหรับใครที่รู้สึกว่าการจะขุดตัวเองให้ลุกขึ้นมาทำตามแต่ละข้อด้านบน ขี้เกียจวางแพลน ไม่รู้จะไปฝึกภาษากับใคร ไม่อยากฝึกคนเดียว ?
ฝรั่งอั่งม้อจัดมาไว้ให้แล้ว !! กับโปรแกรมฝึกภาษาเข้มข้นผ่านการทำโปรแกรม
<คอร์ส 21 Days English Transformation> Intensive English Learning Program ตอนนี้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 5 แล้ว
สิ่งที่จะได้ตลอดคอร์สนี้
- Daily Checklist : กิจกรรมฝึกภาษาสนุก ๆ ตลอด 21 วัน
- 10 Live Lessons : เรียนสด ๆ 10 บทเรียน ผ่าน Facebook Live (เรียนย้อนหลังได้ตลอด)
- Line Daily Conversation : ฝึกคุยแชทเป็นภาษาอังกฤษกับเพื่อนทุกวันผ่าน
- Video Calls: 1-month Speaking Practice Sessions : ฝึกคุยโต้ตอบจริงกับ Facilitators ผ่าน Video Calls แบบไม่จำกัดจำนวนครั้งตลอด 1 เดือนสมัครก่อน 5 ก.ย. นี้ รับส่วนลดพิเศษทันที 1,800 บาท
ขออนุญาตรับจำนวนจำกัด เพื่อให้ดูและทุกคนได้อย่างทั่วถึงและขออนุญาตปิดรับทันทีที่เต็มนะคะใครที่สนใจคลิกที่ link ที่เราแปะไว้เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยค่า https://bit.ly/3CA2EGw
มาฝึกภาษาอังกฤษแบบสนุก ๆ ไปด้วยกันนะคะ ^^
